วิธีลบสีชมพูออกจากเสื้อผ้าสีขาวเมื่อสารฟอกขาวล้มเหลว เติมอ่างหรืออ่างด้วยน้ำร้อนเดือด น้ำร้อนจะขจัดคราบได้เร็วกว่าน้ำเย็น วางเสื้อผ้าสีขาวลงในอ่างหรืออ่างแล้วคลุมไว้ แช่เสื้อผ้าค้างคืน. ถอดเสื้อผ้าและล้างสบู่ส่วนเกินออก นำเสื้อผ้าไปซัก ตากเสื้อผ้าให้แห้ง
ขัดด้วยกระดาษทราย ในกรณีที่เชื้อราติดแน่นมากๆ ให้ใช้กระดาษทรายละเอียดขัดเบาๆ บริเวณที่ขึ้นรา โดยควรทำวัสดุให้ชื้นก่อนขัด เพื่อป้องกันไม่ให้สปอร์ของเชื้อราฟุ้งกระจาย จากนั้นลงน้ำยาฟอกขาวเจือจาง แล้วผึ่งลมไว้ เชื้อราอาจเป็นปัญหาที่ดูเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปัญหาอื่นๆ ภายในบ้าน แต่หากปล่อยทิ้งไว้ก็อาจสร้างความเสียหายที่ใหญ่โตตามมาได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงควรเอาใจใส่และหมั่นตรวจเช็คสภาพแวดล้อมภายในบ้านเป็นประจำ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในบ้านทกคน
เริ่มด้วยการดูดฝุ่น ใช้เครื่องดูดฝุ่นที่ประกอบแผ่นกรองอากาศ HEPA filter ดูดผ่านบริเวณที่มีเชื้อราช้าๆ และซ้ำหลายๆ ที เพื่อกำจัดสปอร์ของเชื้อราไปพร้อมกับฝุ่นผงและสิ่งสกปรก วิธีกำจัดเชื้อราทั่วไป การกำจัดเชื้อรานั้นสามารถทำได้หลายวิธี ในบางกรณีเชื้อราอาจไม่ได้ถูกกำจัดได้หมดภายในครั้งเดียว ต้องอาศัยการทำซ้ำหลายๆ ครั้ง 1. ฉีดพ่นละอองวอดก้า โดยปกติแล้วเชื้อราจางๆ จะไม่ชอบแดด แต่ก็ยังมีเชื้อราบางชนิดที่ทนแดดได้ดี ถ้าเจอกรณีนี้ให้ลองหาวอดก้าราคาไม่แพงมาเทใส่ขวดสเปรย์ แล้วฉีดพ่นให้ทั่วเฟอร์นิเจอร์ จากนั้นนำไปผึ่งลมตากแดดเอาไว้ 2. ขัดด้วยน้ำยาล้างจาน หากเชื้อราไม่ได้ฝังลึกมาก ให้ใช้น้ำยาทำความสะอาดแบบไม่แรงมากผสมกับน้ำอุ่น แล้วใช้แปรงขนนุ่มขัดวนเบาๆ บริเวณที่ขึ้นรา เช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ จากนั้นเช็ดซ้ำด้วยผ้าแห้ง 3. ใช้น้ำส้มสายชู เพราะใช้ฆ่าเชื้อราได้เห็นผลดีเยี่ยม ถ้าน้ำยาล้างจานไม่ระคายเชื้อรา ก็ต้องเจอฉีดด้วยน้ำส้มสายชู ให้เทใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดพ่นให้ทั่วจากนั้นทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วเช็ดออกด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ วิธีกำจัดเชื้อราติดแน่น 1. ใช้น้ำยาฟอกขาวเจือจาง ผสมน้ำยาฟอกขาว น้ำ และน้ำยาล้างจาน แล้วใช้แปรงขนแข็งหรือฟองน้ำขัดบริเวณที่มีเชื้อรา วิธีนี้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะน้ำยาฟอกขาวอาจทำเสื้อผ้าหรือเฟอร์นิเจอร์บางชนิดด่างหรือสีตกได้ 2.
สวมถุงมือในการฟอกสีผมทุกครั้ง เพราะสารเคมีจากผลิตภัณฑ์อาจทำให้มือของคุณแสบร้อนได้ 5. สวมชุดคลุมอาบน้ำหรือเสื้อที่มีกระดุมผ่าหน้า เพื่อสะดวกต่อการสระผมหลังจากการฟอกสีผมเสร็จ 6. ใช้ผ้าขนหนูเก่าๆ หรือผ้าขนหนูสีขาวคลุมไหล่หรือเช็ดผมให้แห้งหลังสระแทนผ้าสีเข้ม เพราะผ้าขนหนูสีเข้มอาจถูกกัดให้สีซีดได้ 7. ทาปิโตรเลียมเจลลี่หรือออยล์ บริเวณไรผมทั้งที่หน้าผาก, ข้างใบหูและท้ายทอย เพื่อปกป้องผิวหนังจากสารฟอกสี 8. อ่านฉลากและผสมผลิตภัณฑ์ตามสัดส่วนที่แนะนำข้างกล่อง 9. ใช้แปรงสำหรับทาครีมฟอกสีผม เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทาเส้นผมได้อย่างทั่วถึง ขั้นตอนนี้สำคัญมากเพราะคงไม่มีใครอยากมีสีผมที่ถูกฟอกสีแบบกระดำกระด่างเป็นหย่อมๆ แน่ๆ 10. แบ่งเส้นผมเป็นช่อเล็กๆ แล้วค่อยๆ ไล่ทาครีมไปจนทั่วศีรษะ โดยเว้นบริเวณโคนผมประมาณ 1 นิ้ว ไว้ทาหลังสุด เพราะความร้อนจากหนังศีรษะ จะทำให้สีผมอ่อนลงได้ง่ายกว่าเส้นผมบริเวณอื่นๆ 11. จับเวลาตามคำแนะนำข้างกล่อง หรือดูจากสีผมที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีอ่อนได้ตามที่คุณต้องการ 12. สระผมด้วยแชมพูจนสะอาดปราศจากสารเคมี 13. ปิดท้ายด้วยการทำแฮร์ทรีตเมนต์เพื่อบำรุงเส้นผม 14.
– คาร์บอกมอนนอกไซด์ เป็นแก๊สพิษชนิดหนึ่งที่พบได้ในบ้าน แม้จะไม่ร้ายแรง แต่มีโอกาสทำอันตรายได้ เนื่องจากไม่มีกลิ่น ไม่มีสี จึงอาจสูดดมเข้าไปโดยไม่รู้ตัว – สารฟอร์มาลดีไฮด์ พบได้จาก วัสดุบุผิวเฟอร์นิเจอร์ พาร์ติเคิลบอร์ด พรมสังเคราะห์ กระดาษทิชชู และ น้ำยาทำความสะอาด – แอมโมเนีย พบได้จากเครื่องถ่ายเอกสาร น้ำยาทำความสะอาด – ไซลีน / โทลูอีน พบได้จาก พาร์ติเคิลบอร์ด ไม้อัดน้ำยาเคลือบไม้ เครื่องพิมพ์ สีทาบ้าน 8 ต้นไม้ไล่ภูมิแพ้ ช่วยดูดสารพิษ ฟอกอากาศในบ้าน 1. ต้นจั๋ง (Lady Palm) เป็นต้นไม้ที่ช่วยดูดซับฝุ่นละออง และสารพิษ ต้นจั๋งถือเป็นปาล์มที่มีความทนทานสูง เหมาะกับการนำมาปลูกในบ้าน ต้นจั๋งเป็นพืชที่โตช้า ชอบแดดรำไร และทนต่อโรคแมลงต่าง ๆ แต่ถ้าหากขาดน้ำนานเกินไป หรืออยู่ในที่อากาศแห้งจะทำให้ปลายใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลคล้ายต้นหมากเหลือง จึงต้องคอยดูเรื่องความชิ้นให้เพียงพอ และรดน้ำให้มากขึ้นในฤดูหนาว 2. เดหลี (Peace lily) มีความสามารถสูงในการดูดสารพิษในบ้าน แอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน เบนซีน และฟอร์มาดีไฮด์ ยังเป็นพืชที่คายความชื้นสูงทำให้อากาศภายในอาคารชุ่มชื้น เป็นไม้กระถางที่ได้ความนิยมสูงสุดในการฟอกอากาศภายในบ้าน ช่วยกรองอากาศ ไล่ภูมิแพ้ 3.
ช่างเบิ้ม สีเฟอร์ทำเองได้ "วิธีการฟอกสีไม้" - YouTube